1.ต้มยำกุ้ง
ต้มยำกุ้งเมนูอาหารไทยที่ทั่วโลกรู้จักกันดีใครที่ได้มาเที่ยวที่เมืองไทยต้องลองทานกันทุกคน ด้วยรสชาติที่เผ็ดร้อนเข้มข้นและกลมกล่อมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของต้มยำกุ้งนี้ทำให้ใครๆหลายคนติดใจจนกลับไปพูดกันปากต่อปากว่ามาประเทศไทยต้องทานต้มยำกุ้ง ต้มยำกุ้งบ้นเรามี 2 ชนิดคือต้มยำกุ้งน้ำข้นและน้ำใส แต่ในวันนี้เราจะมาทำต้มยำกุ้งน้ำข้นกันค่ะ ซึ่งเคล็ดลับความอร่อยของสูตรนี้คือ พริกขี้หนูป่นทอดกับกระเทียม ดูสูตรที่ น้ำพริกแกง/ซอสต่างๆ - พริกป่นทอดกระเทียม เพราะจะทำให้น้ำซุปเผ็ดหอม
2.ผัดไทย
เป็นอาหารไทยที่สามารถหารับประทานได้ทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคกลาง และอาจพบได้ในร้านอาหารไทยในต่างประเทศบางแห่ง
ข้าวหลามกะทิสด จัดเป็นอาหารชนิดหนึ่ง คำว่า หลาม แปลว่า การเอาของใส่กระบอกไม้แล้วเผาให้สุก ข้าวหลาม หมายถึง ข้าวที่ใส่กระบอกไม้ไผ่ แล้วเผาไฟให้สุก หลาม
เป็นวิธีการหุงข้าว หรือทำอาหาร เช่น เผาปลา โดยไม่ต้องใช้ภาชนะเป็นอาหารที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณของคนไทยเรา ซึ่งในโบราณคนไทยจะใช้กระบอก ไม้ไผ่ ในการหุงข้าว
ด้วย ข้าวที่ได้จะมีลักษณะเป็นทรงกระบอก เชื่อมกันด้วยเยื่อไผ่ทำให้เป็นรูปทรงสวยงามและมีกลิ่นหอมของไม้ไผ่ แต่ในปัจจุบันนี้ คนไทยเรานิยมนำมารับประทานเป็น ขนม
หวาน มีส่วนผสมคือ ข้าวเหนียว กะทิ หรือใส่ ถั่วดำ และเป็นที่ที่นิยมและมีการปรุงแต่งรสชาติ ให้มีความหลากหลาย เช่นไส้ถั่วไข่เค็ม แห้ว เผือก มะพร้าวอ่อน ฯลฯ มาใส่เข้าไป
ในเนื้อข้าวหลาม เพื่อให้ได้รสชาดิความอร่อย ตามความต้องการของผู้บริโภค ปัจจุบันมีการผลิตข้าวหลามขายกันอย่างมากมายจนมีชื่อเสียงแพร่หลายและนิยมทำกันมากในชุมชนจนยึดเป็นอาชีพ
4.ขนมข้าวเกรียบปากหม้อ
ร้านนี้เปิดมานานประมาณ20ปีและชื่อมาจากเมื่อก่อนร้านตั้งอยู่หน้าโรงหนังปารีสทำให้คนเรียกจนติดปากว่าข้าวเกรียบปากหม้อหน้าโรงหนังปารีสร้านนี้เป็นร้าที่ได้รับความนิยมจากคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่แวะมาชิมข้าวเกรียบปากหม้อที่แสนอร่อย จุดเด่นของร้านคือ ข้าวเกรียบปากหม้อที่มีการเมเมนูโดยการใส่ไข่ลงไปบนแป้ง กลายเป็นเมนูใหม่หรือจะเลือกสั่งแบบ ข้าวเกรียบปากหม้อไข่ดาวก็จะได้คล้ายๆกันนอกจากนี้ยังมีเมนู ข้าวเกรียบปากหม้อไข่ม้วน ข้าวเกรียบปากหม้อกรอบ ข้าวเกรียบปากหม้อธรรมดาให้เลือกสั่งกันอีกด้วย ความนุ่มของแป้งเป็นสูตรพิเศษของร้าน นับเป็นเสน่ห์ที่ลูกค้าชื่นชิบในการทานข้าวเกรียบปากหม้อร้านนี้
5.ขนมเม็ดขนุน
ขนมไทยถูกนำไปใช้ในงานบุญตามประเพณีและงานพิธีกรรม ที่เกี่ยวข้องในวิถีชีวิตชาวไทย โดยนิยมทำขนมชื่อมีมงคล ได้แก่ ขนมตระกูลทองทั้งหลาย เพราะคนไทยถือว่า “ทอง” เป็น ของดีมีมงคลทำแล้วได้มีบุญกุศล มีเงินมีทอง มีลาภยศ สรรเสริญ สมชื่อขนมนั่นเอง
ประเทศไทยครั้งยังเป็นสยามประเทศได้ติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ เช่น จีน อินเดีย มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยส่งเสริมการขายสินค้าซึ่งกันและกัน ตลอดจนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหารการกินร่วมไปด้วย ต่อมาในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ ได้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่างๆ อย่างกว้างขวางไทยได้รับเอาวัฒนธรรมด้านอาหารของชาติต่างๆ มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น วัตถุดิบที่หาได้ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนการบริโภคนิสัยแบบไทยๆ จนทำให้คนรุ่นหลังๆ แยกไม่ออกว่าอะไรคือขนมที่เป็นไทยแท้ๆ และอะไรดัดแปลงมาจากวัฒนธรรมของชาติอื่น เช่น ขนมที่ใช้ไข่และขนมที่ต้องเข้าเตาอบ ซึ่งเข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากคุณท้าวทองกีบม้าภรรยาเชื้อชาติญี่ปุ่น สัญชาติโปรตุเกสของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ผู้เป็นกงศุลประจำประเทศไทยในสมัยนั้น ไทยมิใช่เพียงรับทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทองมาเท่านั้น หากยังให้ความสำคัญกับขนมเหล่านี้โดยใช้เป็นขนมมงคลอีกด้วย ส่วนใหญ่ตำรับขนมที่ใส่ไข่มักเป็น “ของเทศ” เช่นขนมเม็ดขนุน ทองหยิบ ฝอยทอง ทองหยอดจากโปรตุเกส มัสกอดจากสกอตต์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น